วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เทศนา เรื่อง"หัวใจของพันธกิจคริสตจักร"

ศจ.ธีรพันธ์    ขอบใจ




สรุปคำเทศนา  ความเชื่อที่มีชีวิต”  (พระธรรมยากอบ 2: 14 - 26)
                                                                                โดย:- ศจ. ธีรพันธ์       ขอบใจ

ความเชื่อและการประพฤติ
                      (14)พี่น้องของข้าพเจ้า แม้ใครจะกล่าวว่าตนมีความเชื่อ แต่ไม่ได้ประพฤติตามมีประโยชน์อะไร? ความเชื่อนั้นจะช่วยให้เขารอดได้หรือ?(15)ถ้าพี่น้องชายหรือหญิงคนไหนขาดแคลนเสื้อผ้าและอาหารประจำวัน(16) แล้วมีใครในพวกท่านกล่าวกับเขาทั้งหลายว่าขอให้กลับไปอย่างเป็นสุข ให้อบอุ่น และอิ่มหนำสำราญเถิดแต่ไม่ได้ให้สิ่งจำเป็นฝ่ายกายแก่พวกเขา จะมีประโยชน์อะไร? (17) ทำนองเดียวกัน ลำพังความเชื่อ      ถ้าไม่มีการปฏิบัติก็เป็นสิ่งที่ตายแล้ว(18)แต่บางคนจะกล่าวว่าท่านมีความเชื่อและข้าพเจ้ามีการประพฤติจงแสดงให้ข้าพเจ้าเห็นความเชื่อของท่านโดยไม่มีการประพฤติซิ แล้วข้าพเจ้าจะแสดงให้ท่านเห็นความเชื่อของข้าพเจ้าโดยการประพฤติ (19) ท่านเชื่อว่าพระเจ้ามีเพียงองค์เดียว นั่นก็ดี แม้พวกผีก็เชื่อและกลัวจนตัวสั่น (20) คนโฉดเขลาเอ๋ย ท่านต้องการให้พิสูจน์ว่าความเชื่อที่ไม่มีการประพฤตินั้นไร้ผลหรือ? (21) อับราฮัมบรรพบุรุษของเรา ถวายอิสอัคบุตรของท่านบนแท่นบูชา จึงถูกชำระให้ชอบธรรมเพราะการประพฤติไม่ใช่หรือ? (22) ท่านก็เห็นแล้วว่า ความเชื่อนั้นทำงานควบคู่กับการประพฤติของเขา และความเชื่อก็สมบูรณ์โดยการประพฤตินั้น (23) และพระคัมภีร์ก็สำเร็จตามที่กล่าวไว้ว่าอับราฮัมเชื่อพระเจ้า และพระองค์ทรงถือว่าเขาชอบธรรม และเขาได้ชื่อว่าเป็นสหายของพระเจ้า”  (24) พวกท่านก็เห็นแล้วว่า คนหนึ่งคนใดจะถูกชำระให้ชอบธรรมได้ก็เพราะการประพฤติ และไม่ใช่เพราะความเชื่อเพียงอย่างเดียว (25) เช่นเดียวกัน ราหับหญิงโสเภณีก็ถูกชำระให้ชอบธรรมเพราะการประพฤติไม่ใช่หรือ? เมื่อนางได้ต้อนรับพวกผู้สอดแนม และส่งเขาทั้งหลายไปโดยทางอื่น (26) กายที่ปราศจากจิตวิญญาณนั้นตายแล้วอย่างไร ความเชื่อที่ปราศจากการประพฤติก็ตายแล้วอย่างนั้น (ยากอบ 2:14-26)  
       1. ความหมาย/ความสำคัญของความเชื่อ  ฮีบรู 11:1 ความเชื่อคือ ความมั่นใจในสิ่งที่หวังไว้ เป็น ความแน่ใจในสิ่งที่มองไม่เห็น   มัทธิว 16:16-18 คือการยอมรับว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้า  (พระเยซูคือผู้ที่พระเจ้าทรงเจิม ทรงกำหนด และ ทรงแต่งตั้งเพื่อทำให้แผนการแห่งความรอดของพระเจ้าสำเร็จ) พระเยซูตรัสว่าบนความเชื่อนี้  เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้    เราพบความเชื่อ 3 ประการ 1.พระเยซูเป็นรากฐานของคริสตจักร  2)คริสตจักรเป็นของพระเยซู 3)พระเยซูประทานชัยชนะแก่คริสตจักรของพระองค์
2.        ลักษณะของความเชื่อที่มีชีวิต
1).เป็นความเชื่อที่ไม่ตาย หมายถึง ความเชื่อที่ไม่หยุดนิ่ง เติบโต(สาวกขอให้พระเยซูทรงเพิ่มเติมความเชื่อ ความเชื่อแม้มีเล็กน้อยเท่าเมล็ดผักกาดก็สามารถเคลื่อนย้ายภูเขาได้) และความเชื่อเคลื่อนไหว (มีปฏิกิริยา เกิดการเปลี่ยนแปลง เกิดสิ่งใหม่ๆ)ตัวอย่างชีวิตผู้เชื่อของคริสตจักรยุคแรก (กิจการ 2:42-47)ข้อ 42  คำที่เป็นกริยา เขาทั้งหลายได้ขะมักเขม้นฟังคำสอน  /ร่วมสามัคคีธรรม/ได้ขะมักเขม้นในการหักขนมปังและอธิษฐาน   ขัอ 43-47 มีความเกรงกลัว/ ทำการอัศจรรย์/ มีหมายสำคัญ/ อยู่พร้อมกัน /ขายทรัพย์สิน เอามารวมเป็นของกลาง แบ่งให้แก่คนทั้งปวงตามซึ่งทุกคนต้องการ/ได้ร่วมใจกันไปในพระวิหาร/หักขนมปังตามบ้าน/รับประทานอาหาร/คนทั้งหลายได้สรรเสริญพระเจ้า คนทั้งปวงก็ชอบใจ   องค์พระผู้เป็นเจ้า ได้ทรงโปรดให้คนทั้งหลายซึ่งกำลังจะรอด มาเข้ากับพวกสาวกทุกวันๆ
2).เป็นความเชื่อที่มีการประพฤติตาม หรือ ความเชื่อที่พิสูจน์ด้วยการกระทำ (ยากอบ 2;14-26) มีคำว่า ประพฤติ/ประพฤติตาม/ปฏิบัติ” 12 ครั้งยากอบต้องการเน้น “ความเชื่อ” ที่ต้องมีผลให้เห็นในชีวิตประจำวัน(14-17) ความเชื่อกับการกระทำเป็นสิ่งที่แยกไม่ได้ (18-20)  ดังเห็นได้จากชีวิตของอับราฮัมและราหับ (ข้อ 21-26) เปาโลก็ได้ยกตัวอย่างอับราฮัมเหมือนกันแต่เน้นเรื่อง ความเชื่อโรม 4;3  กาลาเทีย 3:6  ส่วนยากอบเน้นเรื่องการกระทำ (ข้อ 21) ซึ่งเป็นผลของความเชื่อ (ข้อ 22)มีคำกล่าวว่า ระยะทางที่ไกลที่สุดในโลก คือระยะทางจาก(สมอง) ถึงหัวใจ (จิตใจ) เพราะระยะทางจากสมองถึงหัวใจ เป็นการเดินทางด้วยความยากลำบาก ต้องผ่านชั้นของการหลอกลวงตนเอง ผ่านชั้นของความสับสน สลับซับซ้อน ผ่านการหลีกหนี หลบเลี่ยง ไม่ยอมเผชิญความจริง ชั้นของการต่อต้าน  ก็ไม่ถึงจุดศูนย์กลางชีวิตของตนเองสักที ยากอบ 2:17 ความเชื่อถ้าไม่ประพฤติตามก็ไร้ผล (ตัวอย่าง ชายคนหนึ่งกำลังหิวโซ มองเห็นร้านที่ป้ายโฆษณาขนมปังติดอยู่หน้าร้าน เดินเข้าไปพร้อมวางเงินบนเคาน์เตอร์พร้อมสั่งขนมปังหนึ่งแถว หญิงสาวที่เคาน์เตอร์ตอบว่า เราไม่ได้ขายขนมปังค่ะชายคนนั้นโวยวายว่า แต่คุณติดป้ายหน้าร้านนี่ครับ ใช่ค่ะ เธอตอบ เราผลิตป้ายโฆษณาคะเราขายแต่ป้ายโฆษณา  ลองคิดดู หากคริสตจักรมีแต่ป้ายแขวนอยู่เท่านั้น…. พูดว่าเชื่อ  แต่  พูดว่ารัก  แต่ จงแสดงให้ข้าพเจ้าเห็นความเชื่อของท่านที่ไม่มีการประพฤติตาม  (ข้อ 19) ความเชื่อต้องมีการพิสูจน์ เราสามารถพิสูจน์ความเชื่อได้โดยผ่านการกระทำ ถ้าเชื่อเพียงสมอง/ปากเท่านั้น เป็นความเชื่อเช่นใคร? ดังพวกปีศาจ

3.) ผลของความเชื่อที่มีการประพฤติตาม  ตัวอย่างอับราฮัม  (ยากอบ 2:20-24) ถูกเรียกว่า เป็นผู้ชอบธรรม  เพราะวิถีการดำเนินชีวิตที่เขาปฏิบัติได้แสดงออกถึงความเชื่อที่เขามี สิ่งที่เขาทำยืนยันและแสดงออกถึงความเชื่อที่แท้จริงของเขา ความเชื่อของอับราฮัม เป็นความเชื่อที่แสดงออกด้วยการยอมจำนน เชื่อฟังอย่างสุดๆความสัมพันธ์ที่ดำเนินไปตลอดเวลาด้วยการยอมจำนนและเชื่อฟัง โดยสำแดงออกด้วยการกระทำ(ดูตัวอย่าง)ปฐมกาล 12:1-4   อับราฮัมไปตามพระดำรัสของพระเจ้าปฐมกาล 15:6          ความเชื่อนั้นพระองค์ทรงนับว่าเป็นความชอบธรรมแก่ท่านความเชื่อของอับราฮัมได้แสดงออกด้วยการกระทำ เป็นความเชื่อที่พร้อมจะมอบทุกสิ่งที่ตนมีให้กับพระเจ้าแม้แต่อิศอัค ยากอบ 2:22 “ท่านเห็นแล้วว่า ความเชื่อและการกระทำของเขาทำงานควบคู่กัน ความเชื่อของเขาครบถ้วนบริบูรณ์โดยสิ่งที่เขาได้ทำ” (อมตธรรม) ท่านยากอบไม่ได้สอนว่า เรารอดด้วยความเชื่อและการกระทำแต่ท่านสอนว่า เรารอดด้วย  ความเชื่อ ชนิดที่สำแดงออกด้วยการกระทำ  ความเชื่อที่ไม่ตาย เป็นความเชื่อที่พัฒนาเติบโตออกดอกออกผลได้ (ความเชื่อไม่ตาย พัฒนาได้!)ความเชื่อที่ตาย  ไม่พัฒนา ไม่เติบโต ไม่ออกดอกออกผล (ความเชื่อที่ตาย  พัฒนาไม่ได้)
ใคร่ครวญบุคคลในพระคัมภีร์
ชัดรัค : ดาเนียล 3:20-27
          ประสบการณ์ของชัดรัคที่ทำให้ผู้คนต้องตดตะลึง เพราะเขาเดินออกมาจากเตาไฟที่ร้อนระอุโดยปราศจากกลิ่นของการถูกเผาไหม้ ซึ่งทำให้แผนการชั่วร้ายของศัตรูต้องล้มเหลว  ในยามนี้เราหาดูความเชื่อแบบชัดรัคได้ยากมาก  บ่อยครั้งมีคนออกมาเปิดเผยประสบการณ์ที่ได้ทนทุกข์เพื่อพระเจ้า  ซึ่งเป็นความทรงจำที่ยากแก่การลืมเลือนของพวกเขา   แม้ว่าการทดลองจะผ่านไปแล้วก็ตาม  แต่ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่าเรื่องนี้ลืมไม่ได้   เช่นเดียวกัน มีบางคนที่เคยได้รับความทุกข์จากการทดลอง  เขาจึงนำความทุกข์นั้นมาเขียนเป็นบทเพลงให้คนร้อง เพื่อให้คนที่ร้องได้รู้ถึงความทุกข์ใหญ่หลวงที่เขาได้รับ
         ส่วนชัดรัคและสหายอีกสองคน  หาเป็นเช่นนั้นไม่  ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาทั้งหลายเคยเดินเข้าไปในเตาไฟ  ถึงแม้จะมีคนรู้หรือไม่ก็ตามแต่จิตใจของพวกเขาก็มีแต่คำสรรเสริญเท่านั้น
ข้อคิด : “ข้าพระองค์จะเปรมปรีดิ์และยินดีในความรักมั่นคงของพระองค์  เพราะพระองค์ทรงทอดพระเนตรความทุกข์ใจของข้าพระองค์  พระองค์ทรงทราบเรื่องความทุกข์ยากของข้าพระองค์” (สดุดี 31:7)