วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2560

เทศนา 1/1/2560


ศาสนาจารย์ธีรพันธ์   ขอบใจ

สรุปคำเทศนา


มหัศจรรย์แห่งคำสัญญา”  (ลูกา 1:26-38)



ถาม : เคยมีใครสัญญาจะให้สิ่งนั้นสิ่งนี้แก่ท่านบ้างไหม ?   และท่านคาดหวังอย่างไร ? หรือ ในทางกลับกันคุณเคยสัญญาจะให้สิ่ง

นั้นสิ่งนี้กับใครบ้างไหม ?   และคุณได้ทำในสิ่งที่สัญญาไว้หรือไม่ ?  อย่างไร ?  พระเจ้าเป็นผู้ให้คำสัญญา พระองค์ไม่เคยลืม! และพระองค์ทรงกระทำตามที่ได้สัญญา

คริสตมาสเป็นเรื่องแห่งความสำเร็จตามคำสัญญา(คำพยากรณ์)พระสัญญาที่พระเจ้าให้ไว้ คือ จะส่งพระบุตรมาบังเกิดในโลก 

พระสัญญาในการส่งพระบุตรลงมาบังเกิดในโลกได้สำเร็จแล้ว ในวันคริสตมาสเมื่อสองพันกว่าปีที่ผ่านมา แต่ยังมีพระสัญญา

อื่นๆอีกมากมาย ในพระคัมภีร์มีพระสัญญามากกว่า 7,000 พระสัญญา ประเด็น ท่านทราบหรือไม่?” ตัวอย่าง : ทหารปลด

ประจำการท่านหนึ่ง โดยเขาไม่ทราบว่าหลังปลดประจำการแล้ว เขามีสิทธิ์ และมีสวัสดิการอะไรบ้าง? เพราะเขาไม่ได้รับรู้ หรือ

สนใจเลยว่าเขามีสิทธิหรือมีสวัสดิการอะไรบ้างสำหรับเขา เนื่องจากเขาได้เอารายการสิทธิบัตรของเขาห้อยแขวนคอไว้ โดยเขา

ไม่รู้ว่ามันคืออะไร จนอยู่มาวันหนึ่งเขาได้ตัดสินใจเปิดดู ปรากฏว่ามีกระดาษแผ่นเล็กๆที่แขวนคอไว้เป็นใบปลดประจำการฯ ลง

นามโดยประธานาธิบดี  คือ สวัสดิการ หรือ สิทธิประโยชน์ต่างๆที่เขาได้รับ แต่เขา…..  ไม่ได้เปิดดู เขาจึงไม่รู้ และไม่มีโอกาสได้รับ

.คริสเตียนจำนวนไม่น้อยไม่รู้พระสัญญา  จึงไม่ได้รับพระพร หรือ สิ่งที่พระเจ้าได้ตรัสสัญญาไว้     เพราะเอาพระพรไปห้อยคอไว้

   2โครินธ์ 1:20บรรดาพระสัญญาของพระเจ้าก็จริงในพระเยซู เพราะเหตุนี้เราจึงพูดว่า อาเมนโดยพระองค์เป็นที่ถวายเกียรติ

แด่พระเจ้า พระเจ้าประทานคำสัญญาให้เรากับโดยพระเยซูคริสต์ตัวอย่าง โยชูวาพระสัญญาเพื่อก้าวสู่ความสำเร็จ อีกไม่

นานข้าพเจ้าก็จะตายไปเหมือนคนอื่นๆ ท่านก็รู้ว่าพระสัญญาอันประเสริฐซึ่งพระยาเวห์ พระเจ้าของท่านให้ไว้กับท่านนั้นล้วนเป็น

จริงไม่มีขาดตกบกพร่องไปแม้แต่ข้อเดียว (โยชูวา 23:14) สำหรับโยชูวาพระสัญญาเป็นอุปกรณ์เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จ เขาเริ่มต้น

ชีวิตด้วยพระสัญญา (1:3 “ทุกแห่งที่พวกเข้าเหยียบย่างไป เราจะยกที่แห่งนั้นให้พวกเจ้าตามที่เราได้สัญญากับโมเสส”) เป็นไปไม่

ได้ที่พระเจ้าจะตรัสมุสา  พระเจ้าตรัสสิ่งใดมันจะเกิดขึ้นและเป็นเช่นนั้น ไม่ว่าเราจะเชื่อ หรือ ไม่ก็ตามชีวิตที่ประสบความสำเร็จ

นั้น พระเจ้าทรงสัญญาที่จะให้กับผู้รับใช้ของพระองค์ มี 3 พระสัญญานี้ในโยชูวาบทที่ 1 เพื่อให้เรามั่นใจได้ก็คือ (1) กำลัง สิ่งใด

ก็ตามที่พระเจ้าเรียกให้เราทำพระองค์จะประทานพละกำลังให้ (2) ความสำเร็จ เราถูกกำหนดให้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่

พระเจ้าทรงให้เราทำ (3) การสนับสนุน งานของพระเจ้ากระทำโดยวิธีของพระเจ้าจะไม่ขาดการสนับสนุนจากพระองค์ มีพระ

สัญญาอื่นๆอีกเป็นพันๆข้อที่ในพระคัมภีร์ที่เราอ้างได้ และมีเพียงวิธีเดียวที่เราจะสามารถอ้างสิทธิได้ คือต้องศึกษาพระวจนะของ

พระเจ้า อ่าน จดจำ และใคร่ครวญพระวจนะนั้นเพื่อเราจะรู้และปฏิบัติตามเงื่อนไขของพระสัญญา แล้วพระพรแห่งคำสัญญาจะ

หลั่งไหลมาสู่ชีวิตของเรา พระเจ้าตรัสกับโยชูวาว่า อย่าให้หนังสือธรรมบัญญัตินี้ห่างจากปากของเจ้า จงใคร่ครวญทั้งกลางวัน

และกลางคืน เพื่อเจ้าจะประสบความสำเร็จและความเจริญรุ่งเรือง” (โยชูวา 1:8) ความสำเร็จของเราอยู่บนรากฐานของความมุ่ง

มั่นต่อพระวจนะของพระเจ้า
….
มหัศจรรย์แห่งพระสัญญา/จะเดินตามพระสัญญาพระเจ้าได้อย่างไร?

1.       ยอมรับพระสัญญา
มีพระสัญญา 2 ลักษณะคือ
(1).พระสัญญาทั่วไปสำหรับทุกคน (พระสัญญาทั่วไป คือ พระสัญญาที่ให้แก่ผู้เชื่อทุกคน ทุเพศ ทุกวัย ทุกหนทุกแห่ง และทุกยุค
ทุกสมัย ข้อสังเกต คือ พระเจ้าไม่เคยกำหนดเวลาไว้ในพระสัญญาของพระองค์ ตัวอย่าง 1ยอห์น 1:9 ถ้าเราสารภาพบาปของ
เรา พระองค์สัตย์ซื่อและเที่ยงธรรมฟิลิปปี 4:9 “จงกระทำทุกสิ่งที่ท่านได้เรียนรู้และได้รับไว้ ได้ยินและได้เห็นในข้าพเจ้าแล้ว
 และพระเจ้าแห่งสันติสุขจะทรงสถิตกับท่าน พระสัญญานี้ให้กับทุกคนที่เชื่อ(ข้อ 8) และข้ออื่นๆ สดุดี 1:3  เขาเป็นเช่นต้นไม้ที่
ปลูกไว้ริมธารน้ำซึ่งเกิดผลตามฤดูกาล และใบก็ไม่เหี่ยวแห้งการทุกอย่างซึ่งเขากระทำก็จำเริญขึ้น/ สดุดี 27:10 แม้บิดาและ
มารดาของข้าพระองค์ทอดทิ้งข้าพระองค์ แต่พระเจ้าจะทรงยกข้าพระองค์ขึ้น / สดุดี 31:24 จงเข้มแข็ง และให้ใจของท่านกล้าหาญ
เถิด นะ ท่านทั้งปวงผู้รอคอยพระเจ้า และยอห์น 4:13-14   พระเยซูตรัสตอบว่าทุกคนที่ดื่มน้ำนี้จะกระหายอีก  แต่ผู้ที่ดื่มน้ำซึ่ง
เราจะให้แก่เขานั้น จะไม่กระหายอีกเลย น้ำซึ่งเราจะให้เขานั้น จะบังเกิดเป็นบ่อน้ำพุในตัวเขาพลุ่งขึ้นถึงชีวิตนิรันดร์)
(2).พระสัญญาที่เฉพาะเจาะจงสำหรับเรา  เรมา (คือพระสัญญาที่ให้เป็นพิเศษกับเราเฉพาะ สถานการณ์ เวลา เหตุการณ์นั้น) 
เนื้อหาในคำสัญญานั้นจะชัดเจนว่าให้กับใคร โดยผ่านคำเผยพระวจนะ การตรัสส่วนตัว หรือผ่านพระคัมภีร์  ตัวอย่าง มารีย์
  (ลูกา 1:28, 34 และข้อ 38)
2.       เชื่อพระสัญญา (มัทธิว 1:19-21) หากเราจะเดินต่อไปได้ เราต้องมีความเชื่อ ความเชื่อยึดเราไว้เพื่อให้พระสัญญานั้น
สำเร็จ  โรม 4:20-21 อับราฮัมไม่หวั่นไหวในพระสัญญา แต่เชื่อเต็มที่ เมื่อเขาเกาะพระสัญญาของพระเจ้าไว้ เขาสามารถเดิน
ต่อไปได้  อย่าเดินตามกระแสคนรอบข้างที่ไม่เชื่อ 
3.        รอคอยพระสัญญา (ลูกา 2:25-28) สิเมโอนรอคอยพระสัญญาของพระเจ้า  ใช้เวลา  รอคอย  (จนท่านชราแล้ว) แต่ใน
ที่สุดสิเมโอนได้ อุ้มพระกุมารและสรรเสริญพระเจ้า  ความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียงข้ามคืน มีพระสัญญาข้อไหน
บ้างที่ท่านยังเฝ้ารออยู่ หรือมีพระสัญญาข้อไหนบ้างที่พระเจ้าประสงค์ประทานให้…. แต่ท่านไม่ได้รับ   เป็นพระพรที่ห้อยคอ
ไว้…. บัดนี้ถึงเวลาแล้ว คือเวลาแห่งพระพร  เวลาแห่งความเชื่อ ความรอด การเป็นอิสระจากการถูกควบคุม กักขังของธรรม
บัญญัติ และกาลาเทีย บทที่ 4:4 “เมื่อครบกำหนดแล้ว พระเจ้าได้ทรงใช้พระบุตรของพระองค์มา ประสูติจากสตรีเพศและถือ
กำเนิดใต้ธรรมบัญญัติครบกำหนดแล้ว กำหนดที่ท่านถูกจองจำไว้ในบาป (ข้อ 7)กำหนดที่ถูกธรรมบัญญัติจองจำไว้ ถูกกัก
บริเวณไว้จนความเชื่อปรากฏ (ข้อ 23)กำหนดที่ถูกธรรมบัญญัติควบคุมไว้ จนพระคริสต์เสด็จมา เพื่อเราถูกชำระให้ชอบธรรมโดย
ความ              เชื่อ (ข้อ 24) เพื่อได้รับสิทธิในการเป็นบุตรของพระเจ้าและเป็นทายาทตามพระสัญญาวันนี้ได้ครบกำหนด
แล้ว(กำหนดแห่งการทนทุกข์ ผิดหวัง เสียใจ ท้อแท้ กลัว ห่อเหี่ยว เหน็ดเหนื่อยฯลฯ)
          เป็นเวลาของพระเจ้าสำหรับท่านเพื่อรับความรอดตามพระสัญญาเป็นเวลาสำหรับท่านที่จะเปิดใจรับ ยอมรับพระสัญญา

ของพระเจ้า เรมา Rhema (ถ้อยคำที่พระเจ้า              ตรัสแก่เราอย่างเฉพาะเจาะจง)  เป็นเวลาที่พระเจ้าจะอวยพรคริสตจักรของ

พระองค์เพื่อให้คริสตจักรเติบโต ขยาย และเกิดผล