ศาสนาจารย์ธีรพันธ์ ขอบใจ
สรุปคำเทศนา
“มหัศจรรย์แห่งคำสัญญา”
(ลูกา 1:26-38)
ถาม : เคยมีใครสัญญาจะให้สิ่งนั้นสิ่งนี้แก่ท่านบ้างไหม
?
และท่านคาดหวังอย่างไร ? หรือ ในทางกลับกันคุณเคยสัญญาจะให้สิ่ง
นั้นสิ่งนี้กับใครบ้างไหม
?
และคุณได้ทำในสิ่งที่สัญญาไว้หรือไม่ ? อย่างไร ? พระเจ้าเป็นผู้ให้คำสัญญา พระองค์ไม่เคยลืม!
และพระองค์ทรงกระทำตามที่ได้สัญญา
คริสตมาสเป็นเรื่องแห่งความสำเร็จตามคำสัญญา(คำพยากรณ์)พระสัญญาที่พระเจ้าให้ไว้
คือ “จะส่งพระบุตรมาบังเกิดในโลก”
พระสัญญาในการส่งพระบุตรลงมาบังเกิดในโลกได้สำเร็จแล้ว
…ในวันคริสตมาสเมื่อสองพันกว่าปีที่ผ่านมา
แต่ยังมีพระสัญญา
อื่นๆอีกมากมาย ในพระคัมภีร์มีพระสัญญามากกว่า 7,000 พระสัญญา ประเด็น “ท่านทราบหรือไม่?” ตัวอย่าง : ทหารปลด
ประจำการท่านหนึ่ง
โดยเขาไม่ทราบว่าหลังปลดประจำการแล้ว เขามีสิทธิ์ และมีสวัสดิการอะไรบ้าง? เพราะเขาไม่ได้รับรู้
หรือ
สนใจเลยว่าเขามีสิทธิหรือมีสวัสดิการอะไรบ้างสำหรับเขา
เนื่องจากเขาได้เอารายการสิทธิบัตรของเขาห้อยแขวนคอไว้ โดยเขา
ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
จนอยู่มาวันหนึ่งเขาได้ตัดสินใจเปิดดู
ปรากฏว่ามีกระดาษแผ่นเล็กๆที่แขวนคอไว้เป็นใบปลดประจำการฯ
ลง
นามโดยประธานาธิบดี คือ สวัสดิการ หรือ
สิทธิประโยชน์ต่างๆที่เขาได้รับ แต่เขา….. ไม่ได้เปิดดู เขาจึงไม่รู้ และไม่มีโอกาสได้รับ
.คริสเตียนจำนวนไม่น้อยไม่รู้พระสัญญา จึงไม่ได้รับพระพร หรือ
สิ่งที่พระเจ้าได้ตรัสสัญญาไว้
เพราะเอาพระพรไปห้อยคอไว้
2โครินธ์ 1:20 “บรรดาพระสัญญาของพระเจ้าก็จริงในพระเยซู
เพราะเหตุนี้เราจึงพูดว่า อาเมนโดยพระองค์เป็นที่ถวายเกียรติ
แด่พระเจ้า” พระเจ้าประทานคำสัญญาให้เรากับโดยพระเยซูคริสต์…ตัวอย่าง
“โยชูวา” พระสัญญาเพื่อก้าวสู่ความสำเร็จ
“อีกไม่
นานข้าพเจ้าก็จะตายไปเหมือนคนอื่นๆ
ท่านก็รู้ว่าพระสัญญาอันประเสริฐซึ่งพระยาเวห์
พระเจ้าของท่านให้ไว้กับท่านนั้นล้วนเป็น
จริงไม่มีขาดตกบกพร่องไปแม้แต่ข้อเดียว” (โยชูวา 23:14)
สำหรับโยชูวาพระสัญญาเป็นอุปกรณ์เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จ
เขาเริ่มต้น
ชีวิตด้วยพระสัญญา (1:3 “ทุกแห่งที่พวกเข้าเหยียบย่างไป
เราจะยกที่แห่งนั้นให้พวกเจ้าตามที่เราได้สัญญากับโมเสส”)
เป็นไปไม่
ได้ที่พระเจ้าจะตรัสมุสา
พระเจ้าตรัสสิ่งใดมันจะเกิดขึ้นและเป็นเช่นนั้น ไม่ว่าเราจะเชื่อ หรือ
ไม่ก็ตาม…ชีวิตที่ประสบความสำเร็จ
นั้น
พระเจ้าทรงสัญญาที่จะให้กับผู้รับใช้ของพระองค์ มี 3 พระสัญญานี้ในโยชูวาบทที่
1 เพื่อให้เรามั่นใจได้ก็คือ (1) กำลัง
สิ่งใด
ก็ตามที่พระเจ้าเรียกให้เราทำพระองค์จะประทานพละกำลังให้ (2) ความสำเร็จ เราถูกกำหนดให้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่
พระเจ้าทรงให้เราทำ
(3) การสนับสนุน งานของพระเจ้ากระทำโดยวิธีของพระเจ้าจะไม่ขาดการสนับสนุนจากพระองค์
มีพระ
สัญญาอื่นๆอีกเป็นพันๆข้อที่ในพระคัมภีร์ที่เราอ้างได้
และมีเพียงวิธีเดียวที่เราจะสามารถอ้างสิทธิได้ คือต้องศึกษาพระวจนะของ
พระเจ้า
อ่าน จดจำ และใคร่ครวญพระวจนะนั้นเพื่อเราจะรู้และปฏิบัติตามเงื่อนไขของพระสัญญา
แล้วพระพรแห่งคำสัญญาจะ
หลั่งไหลมาสู่ชีวิตของเรา พระเจ้าตรัสกับโยชูวาว่า “อย่าให้หนังสือธรรมบัญญัตินี้ห่างจากปากของเจ้า
จงใคร่ครวญทั้งกลางวัน
และกลางคืน เพื่อเจ้าจะประสบความสำเร็จและความเจริญรุ่งเรือง”
(โยชูวา 1:8)
ความสำเร็จของเราอยู่บนรากฐานของความมุ่ง
มั่นต่อพระวจนะของพระเจ้า
….
มหัศจรรย์แห่งพระสัญญา/จะเดินตามพระสัญญาพระเจ้าได้อย่างไร?
1.
ยอมรับพระสัญญา
มีพระสัญญา 2 ลักษณะคือ
(1).พระสัญญาทั่วไปสำหรับทุกคน
(พระสัญญาทั่วไป คือ พระสัญญาที่ให้แก่ผู้เชื่อทุกคน ทุเพศ ทุกวัย ทุกหนทุกแห่ง
และทุกยุค
ทุกสมัย ข้อสังเกต คือ พระเจ้าไม่เคยกำหนดเวลาไว้ในพระสัญญาของพระองค์
ตัวอย่าง…
1ยอห์น 1:9 ถ้าเราสารภาพบาปของ
เรา
พระองค์สัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม… ฟิลิปปี 4:9 “จงกระทำทุกสิ่งที่ท่านได้เรียนรู้และได้รับไว้
ได้ยินและได้เห็นในข้าพเจ้าแล้ว
และพระเจ้าแห่งสันติสุขจะทรงสถิตกับท่าน” พระสัญญานี้ให้กับทุกคนที่เชื่อ…(ข้อ 8) และข้ออื่นๆ สดุดี 1:3 เขาเป็นเช่นต้นไม้ที่
ปลูกไว้ริมธารน้ำซึ่งเกิดผลตามฤดูกาล และใบก็ไม่เหี่ยวแห้งการทุกอย่างซึ่งเขากระทำก็จำเริญขึ้น/ สดุดี 27:10 แม้บิดาและ
มารดาของข้าพระองค์ทอดทิ้งข้าพระองค์ แต่พระเจ้าจะทรงยกข้าพระองค์ขึ้น / สดุดี 31:24 จงเข้มแข็ง และให้ใจของท่านกล้าหาญ
เถิด นะ ท่านทั้งปวงผู้รอคอยพระเจ้า และยอห์น 4:13-14 พระเยซูตรัสตอบว่า “ทุกคนที่ดื่มน้ำนี้จะกระหายอีก แต่ผู้ที่ดื่มน้ำซึ่ง
เราจะให้แก่เขานั้น จะไม่กระหายอีกเลย น้ำซึ่งเราจะให้เขานั้น จะบังเกิดเป็นบ่อน้ำพุในตัวเขาพลุ่งขึ้นถึงชีวิตนิรันดร์”)
(2).พระสัญญาที่เฉพาะเจาะจงสำหรับเรา
เรมา (คือพระสัญญาที่ให้เป็นพิเศษกับเราเฉพาะ สถานการณ์ เวลา
เหตุการณ์นั้น)
เนื้อหาในคำสัญญานั้นจะชัดเจนว่าให้กับใคร โดยผ่านคำเผยพระวจนะ
การตรัสส่วนตัว หรือผ่านพระคัมภีร์ ตัวอย่าง
– มารีย์
(ลูกา 1:28, 34 และข้อ 38)
2.
เชื่อพระสัญญา (มัทธิว 1:19-21) หากเราจะเดินต่อไปได้
เราต้องมีความเชื่อ ความเชื่อยึดเราไว้เพื่อให้พระสัญญานั้น
สำเร็จ โรม 4:20-21 อับราฮัมไม่หวั่นไหวในพระสัญญา
แต่เชื่อเต็มที่ เมื่อเขาเกาะพระสัญญาของพระเจ้าไว้ เขาสามารถเดิน
ต่อไปได้ อย่าเดินตามกระแสคนรอบข้างที่ไม่เชื่อ
3.
รอคอยพระสัญญา (ลูกา 2:25-28)
สิเมโอนรอคอยพระสัญญาของพระเจ้า
ใช้เวลา รอคอย (จนท่านชราแล้ว) แต่ใน
ที่สุดสิเมโอนได้ “อุ้มพระกุมารและสรรเสริญพระเจ้า”
ความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียงข้ามคืน
มีพระสัญญาข้อไหน
บ้างที่ท่านยังเฝ้ารออยู่ หรือมีพระสัญญาข้อไหนบ้างที่พระเจ้าประสงค์ประทานให้….
แต่ท่านไม่ได้รับ
เป็นพระพรที่ห้อยคอ
ไว้…. บัดนี้ถึงเวลาแล้ว
คือเวลาแห่งพระพร เวลาแห่งความเชื่อ
ความรอด การเป็นอิสระจากการถูกควบคุม กักขังของธรรม
บัญญัติ และกาลาเทีย บทที่ 4:4
“เมื่อครบกำหนดแล้ว พระเจ้าได้ทรงใช้พระบุตรของพระองค์มา ประสูติจากสตรีเพศและถือ
กำเนิดใต้ธรรมบัญญัติ”ครบกำหนดแล้ว กำหนดที่ท่านถูกจองจำไว้ในบาป (ข้อ 7)กำหนดที่ถูกธรรมบัญญัติจองจำไว้
ถูกกัก
บริเวณไว้จนความเชื่อปรากฏ (ข้อ 23)กำหนดที่ถูกธรรมบัญญัติควบคุมไว้
จนพระคริสต์เสด็จมา เพื่อเราถูกชำระให้ชอบธรรมโดย
ความ เชื่อ (ข้อ 24)
เพื่อได้รับสิทธิในการเป็นบุตรของพระเจ้าและเป็นทายาทตามพระสัญญาวันนี้ได้ครบกำหนด
แล้ว(กำหนดแห่งการทนทุกข์
ผิดหวัง เสียใจ ท้อแท้ กลัว ห่อเหี่ยว เหน็ดเหนื่อยฯลฯ)
เป็นเวลาของพระเจ้าสำหรับท่านเพื่อรับความรอดตามพระสัญญาเป็นเวลาสำหรับท่านที่จะเปิดใจรับ
ยอมรับพระสัญญา
ของพระเจ้า เรมา Rhema (ถ้อยคำที่พระเจ้า ตรัสแก่เราอย่างเฉพาะเจาะจง) เป็นเวลาที่พระเจ้าจะอวยพรคริสตจักรของ
พระองค์เพื่อให้คริสตจักรเติบโต
ขยาย และเกิดผล