สรุปคำเทศนา
เรื่อง “เหตุผลที่พระเยซูมาสิ้นพระชนม์เพื่อเรา” (อิสยาห์ 53:3 - 10)
“เหตุใดพระเยซูคริสต์จึงต้องเสด็จมาในโลกนี้และสิ้นพระชนม์
“ใครฆ่าพระเยซู” คำสุดท้ายคือ “พระเจ้า” พระเจ้าทรงดำริให้เกิดผลดี “แต่พระยาเวห์ทรงประสงค์ให้ท่านบอบช้ำด้วยการบาดเจ็บ”
(อิสยาห์53:10) “พระเจ้าไม่ทรงหวงพระบุตรของพระองค์เอง แต่ประทานพระบุตรนั้นเพื่อเราทุกคน”
(โรม 8:32) “พระเจ้าได้ทรงตั้งพระเยซูไว้ …โดยพระโลหิตของพระองค์ ความเชื่อจึงได้ผล” (โรม 3:25)
กิจการ 4:27-28 “ความจริง ทั้งเฮโรดและปอนทัสปีลาตกับพวกต่างชาติและชนชาติอิสราเอล
ได้ชุมนุมกันต่อสู้พระเยซูผู้รับใช้ ให้กระทำสิ่งสารพัดตามที่พระหัตถ์
และพระดำริของพระองค์ได้ พระเจ้าทรงตั้งพระทัยให้เกิดผลดี อิสยาห์ 53:3-10 (3) เหตุผลห้าประการที่พระเยซูมาสิ้นพระชนม์เพื่อเรา (1).แบกรับพระพิโรธของพระเจ้าแทนเรา
พระคริสต์ทรงไถ่เราให้พ้นการสาปแช่งแห่งธรรมบัญญัติ โดยการทรงถูกสาปแช่งเพื่อเรา
(เพราะพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า “ทุกคนที่ถูกแขวนไว้บนต้นไม้ต้องถูกสาปแช่ง”)
(กาลาเทีย 3:13)พระเจ้าได้ทรงตั้งพระเยซูไว้ให้เป็นที่ลบล้างพระอาชญาโดยพระโลหิตของพระองค์
โดยความเชื่อจึงได้ผล ทั้งนี้เพื่อสำแดงให้เห็นความชอบธรรมของพระเจ้า ในการที่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัย
และทรงยกบาปที่ได้ทำไปแล้วนั้น (โรม 3:25)ความรักที่ข้าพเจ้าพูดถึงนี้มิใช่ที่เรารักพระเจ้า
แต่ที่พระองค์ทรงรักเรา
และทรงใช้พระบุตรของพระองค์มาทรงเป็นผู้ลบล้างพระอาชญาที่ตกกับเราทั้งหลายเพราะบาปของเรา (1 ยอห์น 4:10)ถ้าพระเจ้าไม่ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม
ก็คงไม่มีความจำเป็นที่พระบุตรของพระองค์จะต้องลงมาทนทุกข์ทรมานและสิ้นพระชนม์ในโลก ถ้าพระเจ้าไม่ใช่ผู้ที่เปี่ยมด้วยความรักแล้ว
พระองค์ก็คงจะไม่เต็มพระทัยที่จะให้พระบุตรของพระองค์ลงมาในโลกเพื่อทนทุกข์และสิ้นพระชนม์อีกเช่นกัน
แต่พระเจ้าทรงยุติธรรมจึงทำให้พระองค์ทรงเต็มพระทัยที่จะตอบสนองต่อข้อเรียกร้องเรื่องความยุติธรรม
ผู้ทำผิดสมควรได้รับการลงโทษ “เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย…”
(โรม 6:23) “ชีวิตใดที่ทำบาปก็จะต้องตาย”
(เอเสเคียล 18:4) (2).ทำให้การเป็นขึ้นมาจากความตายของพระองค์สัมฤทธิ์ผลตามแผนการของพระเจ้า
โดยโลหิตแห่งพันธสัญญานิรันดร์นั้น
เพื่อจะได้ปฏิบัติตามพระทัยพระองค์ ให้เกิดผลเป็นที่ชอบในสายพระเนตรของพระองค์
โดยพระเยซูคริสต์ ขอพระสิริจงมีแด่พระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน (ฮีบรู 13:20-21) การสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์เป็นเพียงแค่เหตุการณ์ที่เกิดก่อนการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระองค์
แต่มันเป็นราคาที่ต้องจ่ายเพื่อให้ได้ชีวิตนั้นมา คือเหตุผลที่พระธรรมฮีบรู 13:20 กล่าวว่า “พระเจ้าทรงนำพระเยซูขึ้นมาจากความตาย
โดยโลหิตของพันธสัญญานิรันดร์” “โลหิตแห่งพันธสัญญา” คือพระโลหิตของพระเยซู
ตามที่พระองค์ทรงกล่าวไว้ว่า “นี่เป็นโลหิตของเราอันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญา”
(มัทธิว 26:28) การหลั่งโลหิตของพระเยซูและการเป็นขึ้นมาจากความตายมีความสัมพันธ์กันอย่างไร?
เพราะการหลั่งโลหิตนั่นเองทำให้พระองค์ทรงเป็นขึ้นมา หมายความว่า “การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ได้ครบถ้วนสมบูรณ์และดีเลิศ จึงเรียกได้ว่า
“การเป็นขึ้นมาของพระองค์คือบำเหน็จและตรารับรองความสำเร็จของพระองค์ พระคัมภีร์กล่าวว่า “ถ้าพระคริสต์ไม่ได้ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมา
ความเชื่อของพวกท่านก็ไร้ประโยชน์ ท่านก็ยังคงอยู่ในบาปของตน” (1 โครินธิ์ 15:17) พระเยซูคือราคาที่ต้องจ่ายเพื่อชำระบาปของเรา
การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูมีมูลค่ามากพอสำหรับการชำระค่าไถ่บาป
หากพระเยซูไม่ได้เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว
การสิ้นพระชนม์ของพระองค์ก็นับว่าล้มเหลว
ซึ่งหมายความว่าพระเจ้าไม่ได้รับรองการไถ่บาปนั้น และเราก็ยังคงอยู่ในบาปเช่นเดิม(3)ทำให้การเชื่อฟังของพระองค์บรรลุผลและกลายเป็นความชอบธรรมของผู้เชื่อ. (ฟิลิปปี 2:8)แต่ของประทานแห่งพระคุณนั้นหาเป็นเช่นความละเมิดนั้นไม่
เพราะว่าถ้าคนเป็นอันมากต้องตายเพราะการละเมิดของคนๆ เดียว มากยิ่งกว่านั้น
พระคุณของพระเจ้าและของประทานโดยพระคุณของพระองค์ผู้เดียวนั้น คือพระเยซูคริสต์
ก็มีบริบูรณ์แก่คนเป็นอันมาก (โรม 5:15)เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาปให้บาป
เพราะเห็นแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์ (2โครินธ์ 5:21)และจะได้ปรากฏอยู่ในพระองค์
ไม่มีความชอบธรรมของข้าพเจ้าเอง ซึ่งได้มาโดยธรรมบัญญัติ
แต่มีมาโดยความเชื่อในพระคริสต์
เป็นความชอบธรรมซึ่งมาจากพระเจ้าซึ่งขึ้นอยู่กับความเชื่อ (ฟิลิปปี 3:9)ม การเชื่อฟังของพระคริสต์ได้จัดเตรียมความชอบธรรมที่เราต้องการ
เพื่อเราถูกนับว่าเป็นผู้ชอบธรรมในห้องพิจารณาคดีของพระเจ้า ความตายของพระเยซู คือ
จุดส่งสุดของการเชื่อฟังของพระองค์ พระธรรมโรม 5:19 กล่าวว่า
“คนจำนวนมากก็เป็นคนชอบธรรม เพราะพระองค์ผู้เดียวที่เชื่อฟัง”
และเปาโลได้กล่าวไว้อีกว่า “เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาปให้บาป
เพราะเห็นแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์ (2โครินธ์ 5:21) (4).นำเราไปสู่ความเชื่อและให้เรามั่นคงในความเชื่อ แล้วพระองค์ตรัสแก่เขาว่า “นี่เป็นโลหิตของเราอันเป็นโลหิต
แห่งพันธสัญญา ซึ่งต้องหลั่งออกเพื่อคนเป็นอันมาก (มาระโก 14:24)เราจะกระทำพันธสัญญานิรันดร์กับเขาทั้งหลาย
อันว่าเราจะไม่หันจากการกระทำความดีแก่เขาทั้งหลาย
และเราจะบรรจุความยำเกรงเราไว้ในใจของเขาทั้งหลาย เพื่อว่าเขาจะมิได้หันไปจากเรา
(เยเรมีย์ 32:40) การสิ้นพระชนม์ของพระองค์ไม่เพียงทรงช่วยให้ประชากรของพระองค์มีหัวใจใหม่
แต่ยังทรงมอบความรักมั่นคง แบบใหม่ให้กับเราด้วย
พระองค์จะไม่ปล่อยให้พวกเราหันเหไปจากพระองค์
แต่ทรงฉวยเราไว้เพื่อมุ่งมั่นอยู่ในทางของพระองค์
เพราะพระโลหิตแห่งพระสัญญาของพระองค์ได้ยืนยันสิ่งนี้ไว้แล้ว (5).ประทานสิ่งสารพัดที่ดีสำหรับเราให้กับเรา พระองค์ผู้มิได้ทรงหวงพระบุตรองค์เดียวของพระองค์
แต่ได้ทรงประทานพระบุตรนั้นเพื่อประโยชน์แก่เรา
ถ้าเช่นนั้นพระองค์จะไม่ทรงโปรดประทานสิ่งสารพัดให้เราทั้งหลาย
ด้วยกันกับพระบุตรนั้นหรือ (โรม 8:32)
(โรม 8:35-37)
แล้วใครจะให้เราทั้งหลายขาดจากความรักของพระคริสต์ได้เล่า จะเป็นความทุกข์
หรือความยากลำบาก (โรม 8:29) (6).ช่วยให้เราสามารถอยู่เพื่อพระคริสต์ไม่ใช่เพื่อตัวเราเอง และพระองค์ได้ทรงวายพระชนม์เพื่อคนทั้งปวง
เพื่อคนเหล่านั้นที่มีชีวิตอยู่จะมิได้อยู่เพื่อประโยชน์แก่ตัวเองอีกต่อไป
แต่จะอยู่เพื่อพระองค์ผู้ทรงสิ้นพระชนม์ และทรงเป็นขึ้นมาเพราะเห็นแก่เขาทั้งหลาย
(2โครินธ์ 5:15)แก่นแท้ของความบาป คือ
เราผิดพลาดที่ไม่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า (โรม 3:23) เพราะเห็นแก่ความประเสริฐแห่งความรู้ถึงพระเยซูคริสต์
องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า เพราะเหตุพระองค์ ข้าพเจ้าจึงได้ยอมสละสิ่งสารพัด
และถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนหยากเยื่อเพื่อข้าพเจ้าจะได้พระคริสต์ (ฟิลิปปี 3:7-8) การอยู่เพื่อพระคริสต์หมายถึง “การมองเห็นและรับรู้ว่าพระองค์ทรงมีคุณค่าอันสูงส่ง
พระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อที่เราจะหย่าขาดจากความบันเทิงใจอันนำไปสู่ความตาย
แล้วตรึงใจเราให้อิ่มเอมในความงามของพระองค์ ได้รับพระเกียรติด้วย” (7).ปลดปล่อยฤทธานุภาพของพระเจ้าซึ่งมีอยู่ในข่าวประเสริฐ คนทั้งหลายที่กำลังจะพินาศก็เห็นว่าเรื่องกางเขนเป็นเรื่องโง่
แต่พวกเราที่กำลังจะรอดเห็นว่าเป็นฤทธานุภาพของพระเจ้า (1โครินธ์
1:18)เพราะว่าข้าพเจ้าไม่มีความละอายในเรื่องข่าวประเสริฐ
เพราะว่าข่าวประเสริฐนั้นเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้า
เพื่อให้ทุกคนที่เชื่อได้รับความรอด พวกยิวก่อนแล้วพวกต่างชาติด้วย (โรม 1:16)ข่าวประเสริฐ หมายถึง ข่าวดี คือ
การรายงานว่ามีบางสิ่งที่สำคัญเกิดขึ้น และข่าวดีก็คือ
การป่าวประกาศว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้นที่จะทำให้ผู้คนมีความสุข
ซึ่งข่าวประเสริฐนั้นถือเป็นข่าว ที่ดีที่สุด เพราะข่าวสารที่ได้เผยแพร่ออกไปนั้น (1โครินธ์ 15:1-6)