สรุปคำเทศนา
เรื่อง “ความสัมพันธ์สามระดับรับพระองค์ในฐานะครู”
ยอห์น 16:12-15
“เรายังมีอีกหลายสิ่งที่จะบอกแก่ท่านทั้งหลาย แต่เดี๋ยวนี้ท่านยังรับไว้ไม่ได้ เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงจะเสด็จมาแล้ว
พระองค์จะนำท่านทั้งหลายไปสู่ความจริงทั้งมวล เพราะพระองค์จะไม่ตรัสโดยพลการ แต่พระองค์จะตรัสสิ่งที่พระองค์ทรงได้ยิน และพระองค์จะทรงแจ้งให้ท่านทั้งหลายรู้ถึงสิ่งเหล่านั้นที่จะเกิดขึ้น พระองค์จะทรงให้เราได้รับเกียรติ เพราะว่าพระองค์จะทรงเอาสิ่งที่เป็นของเรามาสำแดงแก่ท่านทั้งหลาย ทุกสิ่งที่พระบิดาทรงมีนั้นเป็นของเรา เหตุฉะนั้นเราจึงกล่าว
1โครินธ์ 2:10-12 พระวิญญาณทรงเอาสิ่งซึ่งเป็นของเรานั้น มาสำแดงแก่ท่านทั้งหลาย พระเจ้าได้ทรงสำแดงสิ่งเหล่านั้นแก่เราทางพระวิญญาณ เพราะว่าพระวิญญาณทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งแม้เป็นความล้ำลึกของพระเจ้า อันความคิดของมนุษย์นั้น ไม่มีผู้ใดหยั่งรู้ได้ เว้นแต่จิตวิญญาณของมนุษย์ผู้นั้นเองฉันใด
พระดำริของพระเจ้าก็ไม่มีใครหยั่งรู้ได้ เว้นแต่พระวิญญาณของพระเจ้าฉันนั้น เราทั้งหลายไม่ได้รับวิญญาณของโลก แต่ได้รับพระวิญญาณซึ่งมาจากพระเจ้า เพื่อเราทั้งหลายจะได้รู้ถึงสิ่งต่างๆ ที่พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานแก่เรา เรากล่าวถึงเรื่องสิ่งเหล่านี้ ด้วยถ้อยคำซึ่งมิใช่ปัญญาของมนุษย์สอนไว้ แต่ด้วยถ้อยคำซึ่งพระวิญญาณได้ทรงสั่งสอน คือเราได้อธิบายความหมายของเรื่องฝ่ายวิญญาณ ให้คนที่มีพระวิญญาณฟัง ความสัมพันธ์สามระดับ ได้แก่ (1)กายภาพ (2) จิตใจ(บุคลิกลักษณะ) ดาวิดกับโยนาธาน (2ซามูเอล 1:1-27) ดาวิดทราบถึงมรณกรรมของซาอูล และคำคร่ำครวญของดาวิดเพื่อซาอูลและโยนาธาน
ข้อ 26 โอ พี่โยนาธาน ข้าพเจ้าเป็นทุกข์เพื่อท่าน ท่านเป็นที่ชื่นใจของข้าพเจ้ามากความรักของท่านที่มีต่อข้าพเจ้านั้นประหลาดเหลือยิ่งกว่าความรักของสตรี(3) จิตวิญญาณ 1โครินธ์ 2:10-12 (10
พระเจ้าได้ทรงสำแดงสิ่งเหล่านั้นแก่เราทางพระวิญญาณ
เพราะว่าพระวิญญาณทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งแม้เป็นความล้ำลึกของพระเจ้า 11 อันความคิดของมนุษย์นั้น ไม่มีผู้ใดหยั่งรู้ได้ เว้นแต่จิตวิญญาณของมนุษย์ผู้นั้นเองฉันใด
พระดำริของพระเจ้าก็ไม่มีใครหยั่งรู้ได้ เว้นแต่พระวิญญาณของพระเจ้าฉันนั้น 12
เราทั้งหลายไม่ได้รับวิญญาณของโลก แต่ได้รับพระวิญญาณซึ่งมาจากพระเจ้า
เพื่อเราทั้งหลายจะได้รู้ถึงสิ่งต่างๆ ที่พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานแก่เรา 13 เรากล่าวถึงเรื่องสิ่งเหล่านี้
ด้วยถ้อยคำซึ่งมิใช่ปัญญาของมนุษย์สอนไว้ แต่ด้วยถ้อยคำซึ่ง พระวิญญาณได้ทรงสั่งสอน คือเราได้อธิบายความหมายของเรื่องฝ่ายวิญญาณ
ให้คนที่มีพระวิญญาณฟัง)
รับพระองค์ในฐานะครูของคุณ
ถาม! พระวิญญาณทรงมีบทบาทอะไรในชีวิตของเราวันนี้?
1.
สำแดงความจริงของพระเจ้าให้ประจักษ์แก่จิตใจของมนุษย์ว่า มีความยุติธรรม และการโต้แย้งที่มีเหตุมีผลชัดเจนเพียงพอว่ามนุษย์เป็นคนบาป ยอห์น 14:16
เป็นผู้ช่วย เป็นผู้ปลอบประโลม และเป็นผู้นำทางเรา ภาษากรีกแปล “ปรึกษา”
หมายถึง “บุคคลหนึ่งที่ถูกเรียกเข้ามาอยู่ด้วย” พระองค์เสด็จมาเพื่อสอนความจริงแก่ทุกคน
(ยอห์น 16:13) เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงจะเสด็จมาแล้ว พระองค์จะนำท่านทั้งหลายไปสู่ความจริงทั้งมวล เพราะพระองค์จะไม่ตรัสโดยพลการ แต่พระองค์จะตรัสสิ่งที่พระองค์ทรงได้ยิน
และพระองค์จะทรงแจ้งให้ท่านทั้งหลายรู้ถึงสิ่งเหล่านั้นที่จะเกิดขึ้น
พระองค์เสด็จมาเพื่อถวายเกียรติแด่พระคริสต์ (ยอห์น 16:14) พระองค์จะทรงให้เราได้รับเกียรติ
เพราะว่าพระองค์จะทรงเอาสิ่งที่เป็นของเรามาสำแดงแก่ท่านทั้งหลาย
ความจริงของพระเจ้าพระเจ้าเป็นความจริงสูงสุด (สดุดี 12:6) พระดำรัสของพระเจ้า เป็นพระดำรัสที่บริสุทธิ์ เป็นเหมือนเงินหลอมให้บริสุทธิ์ใน
เตาไฟบนแผ่นดินแล้วถึงเจ็ดครั้ง พระราชกิจของพระองค์
(สดุดี 33:4) เพราะพระวจนะของพระเจ้าเที่ยงธรรม และพระราชกิจของพระองค์ก็สำเร็จด้วยความซื่อสัตย์ วิถีทางของพระองค์
(วิวรณ์ 15:3) เขาร้องเพลงของโมเสส*ซึ่งเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า และเพลงของพระเมษโปดกว่า "ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด
ระราชกิจของพระองค์ใหญ่ยิ่งและมหัศจรรย์นัก ข้าแต่องค์พระมหากษัตริย์แห่ง*ประชาชาติทั้งปวง*วิธีการทั้งหลายของพระองค์ยุติธรรมและเที่ยงตรงเปิดเผยในทุกรูปแบบ รวมถึงพระบัญชา พระสัญญา คำตักเตือน ความสัตย์ซื่อของพระองค์ (สดุดี 100:5) เพราะพระเจ้าประเสริฐ ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์* และความสัตย์สุจริตของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วชาติพันธุ์
พระเยซูเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต (ยอห์น 14:6) พระวิญญาณเป็นความจริง (1ยอห์น 5:7)
2.
ทรงเปิดเผยความล้ำลึกของพระเจ้า (กิจการ 11:28)
ฝ่ายผู้หนึ่งในจำนวนนั้นชื่ออากาบัส* ได้ลุกขึ้นกล่าวโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่า
จะบังเกิดการกันดารอาหารมากยิ่งทั่วแผ่นดินโลก การกันดารอาหารนั้น ได้บังเกิดขึ้นในรัชสมัยจักรพรรดิ์คลาวดิอัส #เป็นความรอบรู้พิเศษถึงความล้ำลึกของพระเจ้า
เพื่อเปิดเผยให้รู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น