วันเสาร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2560

เทศนา 30/4/60

   
    โดย ศบ.ธีระพันธ์  ขอบใจ  


 สรุปคำเทศนา
                เรื่อง  “วันอาทิตย์คิดถึงโบสถ์:วันอาทิตย์เปลี่ยนโลกได้   (มัทธิว16:13-20)
                                                                                                                                                                                                           
      
มัทธิว16:13-20:พระเยซูคริสต์เปลี่ยนโลกได้อย่างไร? (1)ตั้งคริสตจักรที่เข้มแข็ง(1โครินธ์12.12-27ผู้ที่ปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าทุกคนมีความปรารถนาอย่างหนึ่ง คือสร้างและดูแลคริสตจักรให้เข้มแข็งเพราะว่าคริสตจักรเป็นพระกายของพระเยซูคริสต์มีคริสเตียนจำนวนไม่น้อยแสวงหาคริสตจักรที่ดี การที่คริสเตียนพบคริสตจักรที่ดีก็เป็นเรื่องสำคัญแต่.ในเวลาเดียวกัน การที่คริสตจักรพบสมาชิกที่ดีก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกัน   คือคริสตจักรที่เข้มแข็ง  สุขภาพฝ่ายร่างกายก็สำคัญและสุขภาพฝ่ายจิตใจก็สำคัญ  ยิ่งกว่านั้น สุขภาพฝ่ายจิตวิญญาณ ก็คือสุขภาพของคริสตจักร เพราะว่าคริสตจักรเป็นชุมชนของคริสเตียนที่ได้รับความรอดแล้ว   การที่เราได้รับความรอด เราก็รอดโดยความเชื่อของเราแต่ละคน แต่แผนการของพระเจ้าสำหรับคนที่ได้รับความรอด คือคริสตจักร  เมื่อเปโตรได้สารภาพความเชื่อของตนว่า พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์และพระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ พระเยซูตรัสว่า บนศิลานี้เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้”   ดังนั้น คริสตจักรเป็นชุมชนที่มีชีวิต  ซึ่งพระเยซูได้ทรงสร้างเพื่อคริสเตียนที่ได้รับความรอดฉะนั้นเราจำเป็น ต้องร่วมมือร่วมใจสร้างและดูแลรักษาคริสตจักรของเราให้เข้มแข็ง  คริสตจักรไหนเป็นคริสตจักรที่เข้มแข็ง   คนมักจะพูดกันว่า คริสตจักรนี้ดี  คริสตจักรโน้นเป็นเช่นนั้น  คริสตจักรต้องเป็นอย่างนั้น  แต่ส่วนใหญ่คิดและพูดโดยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง เพื่อจะสร้างคริสตจักรให้เข้มแข็ง เราจำเป็นต้องมองคริสตจักรด้วยมุมมองของพระคัมภีร์ ไม่ใช่ด้วยมุมมองของตัวเราเอง  ฉะนั้น คริสตจักรที่เข้มแข็งเป็นคริสตจักรตามแนวพระคัมภีร์   พระคัมภีร์ใช้คำเปรียบเทียบหลายอย่างเพื่อจะอธิบายถึงคริสตจักร พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ เอาคริสตจักรมาเปรียบเทียบกับร่างกาย   ร่างกายของเรากับคริสตจักรมีความคล้ายคลึงกันหลายอย่าง   ถ้าเรารู้ว่า คริสตจักรที่เข้มแข็งเป็นอย่างไร เราก็สร้างคริสตจักรให้เข้มแข็งได้     1).คริสจักรที่สมาชิกต่างทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่เป็นคริสตจักรที่เข้มแข็ง    ร่างกายที่อวัยวะแต่ละส่วนทำหน้าที่ของตนเป็นร่างกายที่เข้มแข็ง  ในข้อ 12 บอกว่า มีกายเดียว แต่มีอวัยวะหลายส่วน  ข้อ 14 ก็บอกว่า ร่างกายมิได้ประกอบด้วยอวัยวะเดียว และข้อ 18 ก็บอกว่า พระเจ้าได้ทรงตั้งอวัยวะไว้ในร่างกายตามชอบพระทัยของพระองค์   พระเจ้าได้ทรงสร้างอวัยวะที่มองเห็นด้วยตาของเรา ข้อ 15 พูดถึงเท้ากับมือ เท้ามีหน้าที่ของมันและมือก็มีหน้าที่ของมันเช่นกัน  เท้าจะแทนมือไม่ได้ และมือจะแทนเท้าก็ไม่ได้ด้วย  ข้อ 16 พูดถึงหูกับตา หูมีหน้าที่ของหู และตาก็มีหน้าที่ของตา  หูจะแทนตาไม่ได้ และตาจะแทนหูก็ไม่ได้เช่นกัน  ดังนั้น ข้อ 17 บอกว่า ถ้าอวัยวะทั้งหมดในร่างกายเป็นตา การได้ยินจะอยู่ที่ไหน ถ้าทั้งร่างกายเป็นหู การดมกลิ่นจะอยู่ที่ไหน1โครินธ์ บทที่ 12 นี้   ถึงกายนั้นเป็นกายเดียว ก็ยังมี อวัยวะหลายส่วน และอวัยวะเหล่านั้นแม้จะมีหลายส่วนก็ยังเป็นกายเดียวกันฉันใด    พระคริสต์ก็ทรงเป็นฉันนั้น*คริสตจักรที่ประกอบด้วยสมาชิกที่ทำเช่นนี้เป็นคริสตจักรที่เข้มแข็2). คริสตจักรที่สมาชิกทุกคนดูแลซึ่งกันและกันเป็นคริสตจักรที่เข้มแข็ง อวัยวะส่วนต่างๆ ในร่างกายไม่ได้ทำหน้าที่ของตนเท่านั้น แต่ช่วยเหลืออวัยวะอื่นๆ ด้วย    อวัยวะแต่ละส่วนต้องการอวัยวะอื่นๆ ด้วย   ในข้อที่ 21 บอกว่า ตาจะว่าแก่มือว่า ข้าพเจ้าไม่ต้องการเจ้า ก็ไม่ได้ หรือศีรษะจะว่าแก่เท้าว่า ข้าพเจ้าไม่ต้องการเจ้า ก็ไม่ได้”   การที่อวดตัว และดูถูกดูหมิ่นเป็นที่โง่เขลา  เช่นเดียวกัน  คริสตจักรที่มีสมาชิกทุกคนดูแลซึ่งกันและกันและรู้สึกต้องการคนอื่น เป็นคริสตจักรที่เข้มแข็ง  เราไม่ต้องการเขาเพราะเขาคิดไม่เหมือนเราก็หาไม่ได้  คำที่พระคัมภีร์ใหม่ใช้บ่อยๆ คือ ร่วมกัน” “ซึ่งกันและกัน” “กับ ในข้อ 26 เปาโลกกล่าวไว้ว่า ถ้าอวัยวะอันหนึ่งเจ็บ อวัยวะทั้งหมดก็พลอยเจ็บด้วย  ถ้าอวัยวะอันหนึ่งได้รับเกียรติ อวัยวะทั้งหมดก็พลอยชื่นชมยินดีด้วย”  นี่เป็นคำหนุนใจให้เป็นชุมชนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข   คริสตจักรที่สร้างซึ่งกันและกัน เห็นใจซึ่งกันและกัน  รักซึ่งกันและกัน  ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน  หนุนใจซึ่งกันและกัน และร่วมทุกข์ร่วมสุขซึ่งกันและกัน  3).คริสตจักรที่เข้มแข็ง คือคริสตจักรที่เป็นกายเดียวของพระเยซูผู้ทรงเป็นศีรษะ ข้อ 27 บอกว่า ฝ่ายท่านทั้งหลายเป็นกายของพระคริสต์และต่างก็เป็นอวัยวะของพระกายนั้น”  คริสตจักรเป็นพระกายของพระคริสต์และพระองค์ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักร เมื่อเราแต่ละคน ซึ่งเป็นอวัยวะของพระกายนั้นร่วมตัวกัน เป็นกายเดียวกัน คริสตจักรจะถูกสร้างเป็นคริสตจักรที่เข้มแข็งได้  มีทางเดียวที่เราแต่ละคนทำหน้าที่ของเรา ช่วยดูแลซึ่งกันและกัน และเข้าร่วมเป็นกายเดียวกันได้ คือ ในพระเยซูผู้ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักรเท่านั้น   เพราะว่า คริสตจักรเป็นชุมชนแห่งความเชื่อที่พระเยซูทรงตั้งไว้ ไม่ใช่เป็นองค์การที่มนุษย์ก่อขึ้น   ถ้าแยกจากพระเยซูไปแล้ว ไม่มีอะไรที่เราทำได้  เราจะเติบโตขึ้นได้ในพระเยซู  ช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ในพระเยซู   นี่เป็นภาพของคริสตจักรที่เข้มแข็ง ความจริงในพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องกับคริสตจักรนั้น ไม่ยุ่งยาก  พระเยซูทรงเป็นศีรษะของคริสตจักร  คริสตจักรเป็นพระกายของพระองค์ และเราต่างก็เป็นอวัยวะที่ติดต่อสนิทกับพระกายนั้น  เพราะฉะนั้น หน้าที่ของเราทุกคน คือสร้างคริสตจักรให้เข้มแข็ง  เปาโลได้ท้าทายคริสตจักรเอเฟซัสว่าเหตุฉะนั้น ท่านจึงไม่ใช่คนต่างด้าวต่างแดนอีกต่อไป แต่ว่าเป็นพลเมืองเดียวกันกับธรรมิกชน และเป็นครอบครัวของพระเจ้า” (อฟ.2.19)  เหตุฉะนั้นท่านจึงไม่ใช่คนต่างด้าวต่างแดนอีกต่อไป  แต่ว่าเป็นพลเมืองเดียวกันกับธรรมิกชน และเป็นครอบครัวของพระเจ้า (2).ติดตามพระเยซูอย่างจริงจัง  พวกสาวกได้ติดตามพระเยซูอย่างจริงจังและยอมเสียสละชีวิตโดยการถูกฆ่า  ในการติดตามพระเยซูคริสต์  สามสิ่งเพื่อขอให้พี่น้องทำด้วยกัน คือ   1)จงเป็นคริสตจักร (เป็นแขน เป็นขา เป็นอวัยวะส่วนต่างๆของพระกายของพระคริสต์) เพื่อยื่นออกไปแตะโลก เปลี่ยนแปลงโลก ด้วยความรักของพระเจ้า2)จงเข้ากลุ่มเซลล์ (เพื่อรับการเสริมสร้างชีวิต) 3)จงมาคริสตจักรทุกสัปดาห์ (เพื่อนมัสการ และเป็นพรต่อผู้อื่น)  เปลี่ยนจากสังคมที่เกลียดชัง เป็นสังคมที่รัก  เปลี่ยนจากความเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัว เป็นการให้  เปลี่ยนจากการเล่นพนัน การติดสิ่งเสพติด แสวงหาโชค หาความร่ำรวย อย่างก้มหน้าก้มตา เป็นการเสาะแสวงหาพระเจ้า และอื่นๆ  คำถามอภิปราย 1)ท่านเคยออกไปเป็นพรต่อคนในสังคม/ชุมชนหรือไม่ 2)พลังของคริสตจักรมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโลกได้ ก่อนที่ท่านจะออกไปเปลี่ยนแปลงผู้อื่น ท่านคิดว่ายังมีสิ่งใดบ้างในชีวิตของท่านที่ต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงจากพระเจ้า  3)ประโยคคำพูดที่ว่า เราจะเปลี่ยนแปลง เราต้องเปลี่ยนแปลง เรากำลังเปลี่ยนแปลงทั้งสามต่างกันอย่างไร และท่านอยู่ในขั้นตอนใดในขณะนี้