โดย ศบ.ธีระพันธ์ ขอบใจ
สรุปคำเทศนา
เรื่อง “วันอาทิตย์คิดถึงโบสถ์:วันอาทิตย์เปลี่ยนโลกได้” (มัทธิว16:13-20)
มัทธิว16:13-20:พระเยซูคริสต์เปลี่ยนโลกได้อย่างไร? (1)ตั้งคริสตจักรที่เข้มแข็ง(1โครินธ์12.12-27ผู้ที่ปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าทุกคนมีความปรารถนาอย่างหนึ่ง คือสร้างและดูแลคริสตจักรให้เข้มแข็งเพราะว่าคริสตจักรเป็นพระกายของพระเยซูคริสต์มีคริสเตียนจำนวนไม่น้อยแสวงหาคริสตจักรที่ดี
การที่คริสเตียนพบคริสตจักรที่ดีก็เป็นเรื่องสำคัญแต่.ในเวลาเดียวกัน
การที่คริสตจักรพบสมาชิกที่ดีก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกัน คือคริสตจักรที่เข้มแข็ง
สุขภาพฝ่ายร่างกายก็สำคัญและสุขภาพฝ่ายจิตใจก็สำคัญ ยิ่งกว่านั้น สุขภาพฝ่ายจิตวิญญาณ
ก็คือสุขภาพของคริสตจักร เพราะว่าคริสตจักรเป็นชุมชนของคริสเตียนที่ได้รับความรอดแล้ว การที่เราได้รับความรอด
เราก็รอดโดยความเชื่อของเราแต่ละคน แต่แผนการของพระเจ้าสำหรับคนที่ได้รับความรอด
คือคริสตจักร
เมื่อเปโตรได้สารภาพความเชื่อของตนว่า “พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์และพระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่” พระเยซูตรัสว่า “บนศิลานี้เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้” ดังนั้น
คริสตจักรเป็นชุมชนที่มีชีวิต ซึ่งพระเยซูได้ทรงสร้างเพื่อคริสเตียนที่ได้รับความรอดฉะนั้นเราจำเป็น
ต้องร่วมมือร่วมใจสร้างและดูแลรักษาคริสตจักรของเราให้เข้มแข็ง คริสตจักรไหนเป็นคริสตจักรที่เข้มแข็ง คนมักจะพูดกันว่า คริสตจักรนี้ดี คริสตจักรโน้นเป็นเช่นนั้น คริสตจักรต้องเป็นอย่างนั้น แต่ส่วนใหญ่คิดและพูดโดยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง
เพื่อจะสร้างคริสตจักรให้เข้มแข็ง
เราจำเป็นต้องมองคริสตจักรด้วยมุมมองของพระคัมภีร์ ไม่ใช่ด้วยมุมมองของตัวเราเอง ฉะนั้น
คริสตจักรที่เข้มแข็งเป็นคริสตจักรตามแนวพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ใช้คำเปรียบเทียบหลายอย่างเพื่อจะอธิบายถึงคริสตจักร พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้
เอาคริสตจักรมาเปรียบเทียบกับร่างกาย
ร่างกายของเรากับคริสตจักรมีความคล้ายคลึงกันหลายอย่าง ถ้าเรารู้ว่า คริสตจักรที่เข้มแข็งเป็นอย่างไร
เราก็สร้างคริสตจักรให้เข้มแข็งได้ 1).คริสจักรที่สมาชิกต่างทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่เป็นคริสตจักรที่เข้มแข็ง ร่างกายที่อวัยวะแต่ละส่วนทำหน้าที่ของตนเป็นร่างกายที่เข้มแข็ง ในข้อ 12 บอกว่า มีกายเดียว แต่มีอวัยวะหลายส่วน
ข้อ 14 ก็บอกว่า ร่างกายมิได้ประกอบด้วยอวัยวะเดียว
และข้อ 18 ก็บอกว่า
พระเจ้าได้ทรงตั้งอวัยวะไว้ในร่างกายตามชอบพระทัยของพระองค์
พระเจ้าได้ทรงสร้างอวัยวะที่มองเห็นด้วยตาของเรา ข้อ 15 พูดถึงเท้ากับมือ เท้ามีหน้าที่ของมันและมือก็มีหน้าที่ของมันเช่นกัน เท้าจะแทนมือไม่ได้
และมือจะแทนเท้าก็ไม่ได้ด้วย ข้อ 16 พูดถึงหูกับตา หูมีหน้าที่ของหู และตาก็มีหน้าที่ของตา หูจะแทนตาไม่ได้
และตาจะแทนหูก็ไม่ได้เช่นกัน ดังนั้น ข้อ 17 บอกว่า “ถ้าอวัยวะทั้งหมดในร่างกายเป็นตา
การได้ยินจะอยู่ที่ไหน ถ้าทั้งร่างกายเป็นหู การดมกลิ่นจะอยู่ที่ไหน” 1โครินธ์ บทที่ 12 นี้ ถึงกายนั้นเป็นกายเดียว ก็ยังมี อวัยวะหลายส่วน
และอวัยวะเหล่านั้นแม้จะมีหลายส่วนก็ยังเป็นกายเดียวกันฉันใด พระคริสต์ก็ทรงเป็นฉันนั้น*คริสตจักรที่ประกอบด้วยสมาชิกที่ทำเช่นนี้เป็นคริสตจักรที่เข้มแข็ง2).
คริสตจักรที่สมาชิกทุกคนดูแลซึ่งกันและกันเป็นคริสตจักรที่เข้มแข็ง อวัยวะส่วนต่างๆ
ในร่างกายไม่ได้ทำหน้าที่ของตนเท่านั้น แต่ช่วยเหลืออวัยวะอื่นๆ ด้วย อวัยวะแต่ละส่วนต้องการอวัยวะอื่นๆ ด้วย ในข้อที่ 21 บอกว่า “ตาจะว่าแก่มือว่า ข้าพเจ้าไม่ต้องการเจ้า
ก็ไม่ได้ หรือศีรษะจะว่าแก่เท้าว่า ข้าพเจ้าไม่ต้องการเจ้า ก็ไม่ได้” การที่อวดตัว
และดูถูกดูหมิ่นเป็นที่โง่เขลา
เช่นเดียวกัน
คริสตจักรที่มีสมาชิกทุกคนดูแลซึ่งกันและกันและรู้สึกต้องการคนอื่น
เป็นคริสตจักรที่เข้มแข็ง
เราไม่ต้องการเขาเพราะเขาคิดไม่เหมือนเราก็หาไม่ได้ คำที่พระคัมภีร์ใหม่ใช้บ่อยๆ คือ “ร่วมกัน” “ซึ่งกันและกัน” “กับ” ในข้อ 26 เปาโลกกล่าวไว้ว่า “ถ้าอวัยวะอันหนึ่งเจ็บ
อวัยวะทั้งหมดก็พลอยเจ็บด้วย
ถ้าอวัยวะอันหนึ่งได้รับเกียรติ อวัยวะทั้งหมดก็พลอยชื่นชมยินดีด้วย” นี่เป็นคำหนุนใจให้เป็นชุมชนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข คริสตจักรที่สร้างซึ่งกันและกัน
เห็นใจซึ่งกันและกัน
รักซึ่งกันและกัน
ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
หนุนใจซึ่งกันและกัน และร่วมทุกข์ร่วมสุขซึ่งกันและกัน 3).คริสตจักรที่เข้มแข็ง
คือคริสตจักรที่เป็นกายเดียวของพระเยซูผู้ทรงเป็นศีรษะ ข้อ 27 บอกว่า “ฝ่ายท่านทั้งหลายเป็นกายของพระคริสต์และต่างก็เป็นอวัยวะของพระกายนั้น” คริสตจักรเป็นพระกายของพระคริสต์และพระองค์ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักร
เมื่อเราแต่ละคน ซึ่งเป็นอวัยวะของพระกายนั้นร่วมตัวกัน เป็นกายเดียวกัน
คริสตจักรจะถูกสร้างเป็นคริสตจักรที่เข้มแข็งได้
มีทางเดียวที่เราแต่ละคนทำหน้าที่ของเรา ช่วยดูแลซึ่งกันและกัน
และเข้าร่วมเป็นกายเดียวกันได้ คือ
ในพระเยซูผู้ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักรเท่านั้น
เพราะว่า คริสตจักรเป็นชุมชนแห่งความเชื่อที่พระเยซูทรงตั้งไว้
ไม่ใช่เป็นองค์การที่มนุษย์ก่อขึ้น
ถ้าแยกจากพระเยซูไปแล้ว ไม่มีอะไรที่เราทำได้ เราจะเติบโตขึ้นได้ในพระเยซู ช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ในพระเยซู นี่เป็นภาพของคริสตจักรที่เข้มแข็ง
ความจริงในพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องกับคริสตจักรนั้น ไม่ยุ่งยาก พระเยซูทรงเป็นศีรษะของคริสตจักร คริสตจักรเป็นพระกายของพระองค์ และเราต่างก็เป็นอวัยวะที่ติดต่อสนิทกับพระกายนั้น เพราะฉะนั้น หน้าที่ของเราทุกคน
คือสร้างคริสตจักรให้เข้มแข็ง เปาโลได้ท้าทายคริสตจักรเอเฟซัสว่า“เหตุฉะนั้น ท่านจึงไม่ใช่คนต่างด้าวต่างแดนอีกต่อไป
แต่ว่าเป็นพลเมืองเดียวกันกับธรรมิกชน และเป็นครอบครัวของพระเจ้า” (อฟ.2.19) เหตุฉะนั้นท่านจึงไม่ใช่คนต่างด้าวต่างแดนอีกต่อไป แต่ว่าเป็นพลเมืองเดียวกันกับธรรมิกชน
และเป็นครอบครัวของพระเจ้า (2).ติดตามพระเยซูอย่างจริงจัง พวกสาวกได้ติดตามพระเยซูอย่างจริงจังและยอมเสียสละชีวิตโดยการถูกฆ่า ในการติดตามพระเยซูคริสต์ สามสิ่งเพื่อขอให้พี่น้องทำด้วยกัน คือ 1)จงเป็นคริสตจักร (เป็นแขน
เป็นขา เป็นอวัยวะส่วนต่างๆของพระกายของพระคริสต์) เพื่อยื่นออกไปแตะโลก
เปลี่ยนแปลงโลก ด้วยความรักของพระเจ้า2)จงเข้ากลุ่มเซลล์
(เพื่อรับการเสริมสร้างชีวิต) 3)จงมาคริสตจักรทุกสัปดาห์
(เพื่อนมัสการ และเป็นพรต่อผู้อื่น) เปลี่ยนจากสังคมที่เกลียดชัง
เป็นสังคมที่รัก เปลี่ยนจากความเห็นแก่ได้
เห็นแก่ตัว เป็นการให้
เปลี่ยนจากการเล่นพนัน การติดสิ่งเสพติด แสวงหาโชค หาความร่ำรวย
อย่างก้มหน้าก้มตา เป็นการเสาะแสวงหาพระเจ้า และอื่นๆ คำถามอภิปราย 1)ท่านเคยออกไปเป็นพรต่อคนในสังคม/ชุมชนหรือไม่ 2)พลังของคริสตจักรมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโลกได้
ก่อนที่ท่านจะออกไปเปลี่ยนแปลงผู้อื่น
ท่านคิดว่ายังมีสิ่งใดบ้างในชีวิตของท่านที่ต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงจากพระเจ้า 3)ประโยคคำพูดที่ว่า “เราจะเปลี่ยนแปลง เราต้องเปลี่ยนแปลง เรากำลังเปลี่ยนแปลง” ทั้งสามต่างกันอย่างไร และท่านอยู่ในขั้นตอนใดในขณะนี้